LOVE STORY #stayองเนียล

in this sad love story

SeongWu x Daniel

#stayองเนียล




Stay8 
; Love Story - Epik High ft. IU



เสียงก็อกแก็กที่ดังออกมาจากภายในห้องทำผมตกใจเล็กน้อย 

แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า  คงมีเพื่อนมาเยี่ยมแดนเท่านั้นแหละ  ถึงแม้ว่าแดนจะค่อนข้างไม่ให้ใครมาหาเขาถึงคอนโดนักก็ตาม สมัยมัธยมปลายก็มีแค่ผม กับวันเท่านั้นแหละที่จะเคยมาที่นี่

แต่ขึ้นมหาลัยแล้วก็คงเปลี่ยนแล้วละมั้ง


"แดน มีคนมาหาเราหรอ"

"ทำไมอะพี่"  แดเนียลถามขึ้นมาจากกองผ้าห่มที่ห่อหุ้มอีกฝ่ายไว้

พวกเขากำลังดูภาพยนตร์เรื่อง La La Land อยู่  แดเนียลชอบหนังเรื่องนี้มากทีเดียว ดูซ้ำหลายรอบเลยล่ะ

"เหมือนพี่ได้ยินเสียงคนหน้าประตู"

"จริงหรอพี่"

"อ๊ะ เพื่อนทักมา ขอดูก่อนนะ ทักมาหลายรอบละ พี่กวนจนแดนไม่ได้ดูไลน์เลย ถ้าเรื่องสำคัญจะทำไงเนี่ย"

"แหม ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าพี่มีนแล้ว"

มีนบีบแก้มอ้วนของรุ่นน้องอย่างเอ็นดู

ดังขึ้นอีกครั้ง จนแดนหยิบมือถือของตนเองขึ้นมาดู แดนนิ่งไปสักพักหลังเปิดดูโทรศัพท์ของตัวเอง

"มีอะไรหรือเปล่าแดน"

"อ่า.. ไม่มีอะไรครับพี่มีน"

แดนทำหน้าลังเลใจเหมือนมีอะไรจะพูดกับเขา

"ที่จริง คือมีเพื่อนแดนอยู่หน้าห้องตอนนี้"

"หืม เพื่อนแดนหรอ ใช่คนเมื่อคืนหรือเปล่า"

"... ก็ใช่ เดี๋ยวแดนไปคุยกับเขาแป๊บนึงนะครับ"

ไม่ทันที่ผมจะได้ลุกไปคว้าอีกฝ่ายไว้ หรือคิดวางแผนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน แดเนียลก็เดินไปเปิดประตูห้อง  ผมเลิกคิดเรื่องคืนนี้ไปเลยล่ะ


"คุณอ่า... มาทำอะไรที่นี่มีอะไรหรือเปล่า (ถ่อมาถึงนี่)"


ณ ตอนนั้นเอกไม่รู้ว่าอะไรครอบงำจิตใจตัวเองไว้ หรือเขายังคงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ทันทีเมื่อแดนเปิดประตูห้อง เอกก็คว้าอีกฝ่ายมากอดไว้แน่น

เขารู้สึกถึงความลังเลของอีกฝ่าย แดนทำท่าเหมือนจะกอดแต่ก็ไม่กอด แต่สุดท้ายก็กอดเขากลับเบาๆ

"อ่า คุณคือ.."

"มีอะไรหรือเปล่า มีเรื่องหนักใจ หรือยังไง ?"

แดนถามผมแบบนั้น มองผมด้วยสายตาห่วงใยเหมือนเคยเวลาผมมีเรื่องทุกข์ใจ แต่ไม่ทันไรก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร ก็มีคนอีกคนโผล่มาจากข้างหลังแดน


"มีอะไรหรือเปล่าแดน เห็นออกไปนานเลย"

คนที่โผล่มา เป็นคนเดียวกับคนเมื่อคืนที่ผมเจอแดนคุยกันในร้าน แต่พอได้เห็นอีกฝ่ายอีกครั้ง

ข้อแรก เขาสูงมาก
ข้อที่สองหน้าตาดี ใช้ได้
ข้อสาม ไอ้นั่นมันเดินเข้ามาหาแดน แล้วมองยังไงก็ดูทำตัวแสดงความเป็นเจ้าของใหญ่

อีกฝ่ายขยี้ผมแดนเล่น อย่างไม่สนใจสายตาผม หรือสายตาหวั่นๆของแดนนั่น 'ขนาดตอนกูเป็นแฟนกับแดน กูยังไม่เคยมาทำตัวงี้ต่อหน้าสาธารณชนเลยนะโว้ย' เขาก็ได้แต่คิดในใจ

ผมพูดขึ้นมา ทำลายบรรยากาศหวานของสองคนตรงหน้า


แฟนใหม่หรอคุณ


นั่นเป็นคำที่ผมอยากพูดใจแทบขาด หมั่นไส้ หมั่นหน้าไอ้พี่มีนตรงหน้าที่กำลังทำตัวแสดงความเป็นเจ้าของแฟนเก่าตัวเองอย่างไม่เกรงใจกันเลยแม้แต่น้อย

อีกฝ่าย มีนมองดูท่าทีของเอกก็รู้ว่า จะเป็นใครได้นอกจากคนๆนั้นอยู่แล้วล่ะ

"ถ้าคุณไม่สะดวกไว้วันหลังละกันนะ (ไม่อยากรบกวน)"

เอกรู้ตัวว่าตัวเองกำลังอารมณ์เสีย ไม่สบอารมณ์กับบรรยากาศตรงหน้า แต่ก็คาดไว้ว่าแดนคงไม่กล้าไล่ตนกลับขนาดนั้น อย่างน้อยก็คงพาผมเข้าห้องสักแป๊บหนึ่ง ก่อนจะกลับ

แดนส่งสายตาขออนุญาตคนตัวสูง มันคงเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายนัก ถ้าจะลากเอาเพื่อนตัวเองเข้าห้อง ทั้งๆที่มีคนอื่นอยู่ เอกคิดปลอบใจตัวเองแบบนั้น แดนส่งสายตาอ้อนอีกฝ่ายอยู่นาน เอกเกลียดสายตานั่น ที่จริงเขารักสายตาอ้อนเหมือนลูกหมาของแดนมาแต่ไหนแต่ไร สายตาที่เขาแพ้ แพ้ทางมากๆ แต่เกลียดที่แดนไปทำต่อหน้ามันไม่ใช่กูเนี่ยสิ

มีนส่งสายตาเหม็นเขียวใส่ผมก่อนจะพยักหน้าให้แดน แล้วเดินเข้าห้องทันทีด้วยท่าทีที่รู้ว่าอารมณ์เสียแน่ๆ ท่าทางผมคงสร้างศัตรูให้ตัวเองเสียแล้วสินะ

ผมยิ้มให้แดนใหญ่หลังเดินเข้าห้องของอีกฝ่าย มันเป็นบรรยากาศที่ผมคิดถึงมากเลยล่ะ แม้ล่าสุดผมจะพาแดนมาส่ง แต่ก็แค่หน้าคอนโดเท่านั้น

คิดถึงกลิ่น บรรยากาศที่นี่ เหมือนตอนอยู่มัธยมปลายไม่มีผิด แดนกลับมาไทยก็มาอยู่ที่นี่คนเดียวแต่ไหนแต่ไร หลายคนอาจจะคิดว่าก็สะดวกดี มีคนส่งเงินมาให้ใช้ แต่เปล่าเลย ห้องนี่มันเต็มไปด้วยทั้งความเหงา และอ้างว้างของแดน และเอกคือคนที่เคยมาเติมเต็มส่วนนั้น

ยังคงผูกพัน แน่ล่ะสามปีนี่นะที่รู้จักกันมา ที่จริงไอ้ความรู้สึกตอนนี้มันก็อธิบายยาก ที่บอกกับวันไป ผมก็ไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย มันเหมือน ระยะเวลาที่เราคบกันช่วงมัธยมปลาย ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอด แดนอยู่กับผมตลอดทั้งตอนที่มีความสุข ทั้งเศร้า ช่วงวัยรุ่นน่ะ มันมีอะไรให้คิดตั้งเยอะแยะมากมายจริงไหมล่ะ ตั้งแต่ร้องไห้เพราะสอบเลขยากไม่ผ่าน ดีใจเพราะผ่านฟิสิกส์ครั้งแรกของมัธยมปลาย หลายคนอาจจะตลกกับความรู้สึกง่ายๆของผม แต่ก็นะ มันเหมือนโลกใบเล็กของผมนี่นะ แล้วแดนก็อยู่กับผมเสมอ

แม้กระทั่งตอนที่ผมทำร้ายความรู้สึกของเขา

เรื่องงี่เง่าน่ะ ตามประสาวัยรุ่น เราคิดน้อย แทบไม่คิดอะไรเลย ปากไว บางครั้งก็คิดมากจนเกินเหตุ

ด้วยความ ignorance ไร้ประสบการณ์ต่างๆ

มันดูเหมือนไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำ สำหรับสาเหตุที่พวกเราเลิกรากันไป ไม่ใช่เป็นเพราะมือที่สาม เพราะหมดรัก หรืออะไร เพราะความงี่เง่าล้วนๆ

ผมคงคิดมากไป อาจจะแผ่ออร่าความรู้สึกผิด รู้สึกแย่ต่างๆนาๆมากจนแดนจับผิดปกติได้ เห็นแดนเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงแบบนั้นน่ะ เขาใส่ใจความรู้สึกคนอื่นมาก

"แล้ว คุณมีเรื่องอะไรหรอวันนี้ หน้าตาดูไม่โอเคเลย"

แดนถามผม เป็นห่วง ที่จริงผมแอบรู้สึกใจเต้นนะที่เขาบอกกับผมแบบนั้น ตาตกของแดนยิ่งทำให้สายตานั่นดูน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นกว่าเดิมอีก จนทำผมอยากกอดเจ้าคนข้างหน้าให้แน่น

"หรือไม่อยากบอกตอนนี้? วันหลังก็ได้นะ ถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัว"

"อื่อ เรื่องส่วนตัวน่ะ"

แดนยิ้มบางๆ เขาเข้าใจผมดีอย่างกะอะไรดี แน่นอนผมก็เข้าใจเขาด้วย เหมือนแค่มองตากันก็เข้าใจแล้ว อะไรแบบนั้น คุณอาจจะคิดว่ามันน้ำเน่านะ แต่ถ้าลองอยู่สนิทกับใครนานๆมันจะเป็นแบบนั้นเลย เหมือนอารมณ์พวกคู่จิ้นในการ์ตูนโชเน็นของจัมป์ที่แดนชอบอ่าน พวกที่อารมณ์มองตาก็รู้ใจกันน่ะ

"งั้นดูหนังด้วยกันมั้ย? เรากับพี่มีนดูหนังกันอยู่"

"เอ่อแดน..."

"เรื่องพี่มีนไว้เราจะเล่าแล้วกันนะ"

แดนยิ้มให้ผมแทนคำตอบที่เหลือ ยิ้มนั่นทำให้ผมสบายใจเสมอ ไม่รู้สิ แดนเป็นเหมือน comfort zone ของผม แค่มองรอยยิ้มลูกหมานั่น ถ้าได้กอดด้วย ยิ่งรู้สึกสบายใจสุดๆ

และนั่น ก็ทำให้ผมต้องมานั่งบนโซฟากับอีกสองคน แน่นอนแดนนั่งตรงกลาง ผมและไอ้พี่มีนนั่นนั่งขนาบข้าง เหมือนจะอึดอัด แต่ถ้าเทียบกับที่ผมหน้าด้านพยายามหาเรื่องไปคุยกับแดนช่วงหลังมานี่ นับว่าน้อยไปเลย

ผมนั่งดูหนังอยู่กับอีกสองคน จนแทบลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงที่มาในวันนี้ อันที่จริงผมก็เพลินกับหนังพอสมควร

เอาจริง ก็อยากไปดูหนังเรื่องนี้กับแดนเหมือนกัน

ผมคิด ตอนที่ไปดูหนังเรื่องนี้ มันก็เจ็บนะ ตอนจบน่ะ แต่ดูเรื่องรวมๆก็แค่คิดได้ว่า แดนคงจะชอบเรื่องนี้ ถ้าได้พาแดนมาดูด้วยก็คงดีสินะ

ตอนนี้ผมก็นั่งดูกับแดนอยู่ เข้าช่วง Climax ท้ายสุดของเรื่อง เป็นเวลาเดียวกันกับที่มีนขอตัวกลับ อาจเป็นเพราะทนบรรยากาศอึดอัด(?)นี่ไม่ไหว ก็ถือว่าโชคดีของผมละมั้ง ที่ในที่สุดก็ได้อยู่กับแดนสองคนเสียที

ภาพยนตร์ในโทรทัศน์จอใหญ่กลางห้องนั่งเล่นกว้าง เริ่มบรรเลง Mia n Seb's theme ในบท Epilogue

มีอาเข้าบาร์มาพร้อมกับคู่ครองคนใหม่ ร้านกำลังเล่นดนตรีแจ๊ส แบบที่เซบาสเตียนชอบ แบบที่เซบาสเตียนเคยคิดหวังจะมีร้านเป็นของตนเอง ผมคิดว่ามีอาจำได้นะ จากนั้นก็กลายเป็นเซบาสเตียนเองที่เริ่มบรรเลงเปียโน เพลงของมีอาและเซบาสเตียน ภาพตัดมาที่ช่วงเริ่มแรก ที่ทั้งสองคนเจอกันในร้านอาหาร เพียงแค่

เพียงแค่ว่าเซบาสเตียนตัดสินใจทำอย่างอื่น เขาไม่ได้เดินออกจากร้านโดยไม่ทักมีอา เขาคว้ามีอาไว้แล้วออกจากร้านไปด้วยกัน ทุกอย่างดูเพอร์เฟ็คไปหมด มันเหมือนพลิกกลับหลายสิ่งที่พวกเขาเคยทำพลาด ตั้งแต่ต้นจนจบ

มีอากลับมาที่บาร์แห่งนี้อีกครั้ง พร้อมกับเซบาสเตียนที่อยู่ข้างกาย เพียงแต่ ตอนจบที่แท้จริงไม่ใช่เช่นนั้น มีอาเดินทางไปสู่หนทางอื่นกับคู่ครองคนใหม่ ที่ไม่ใช่เซบาสเตียน

เรื่องราวจบอยู่ที่ตรงนั้น ทั้งสองฝ่าย ก่อนที่มีอาจะออกจากร้าน มีอาส่งยิ้มครั้งสุดท้ายให้กับเซบาสเตียน ด้วยสายตาที่ทั้งสองคนรู้และเข้าใจดี แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

แดนกอดหมอนแน่น ผมแอบเหลือบมองคิดว่าแดนจะร้องไห้ อันที่จริงตอนดูรอบแรกผมไม่ร้องไห้หรอกนะ แต่คนที่ร้องไห้ในหนัง Interstellar ฉากที่เมอร์ฟส่งข้อความมาหาพ่อเนี่ย เอาจริงมันก็เศร้าอยู่แหละฉากนั้น

เหมือนผมคงจะจ้องชัดเจนเกินไปละมั้ง แดนหันกลับมามองผมตรงๆ

"เราไม่ร้องไห้หรอกนะคุณ" แต่แดนก็หน้าเบ้อยู่ไม่ใช่น้อยกับฉากจบ

"ที่จริงตอนดูเรื่องนี้ครั้งแรก ผมก็คิดถึงคุณเลยล่ะ อยากพามาดูด้วยกัน คิดว่าคุณคงจะชอบ"

"อันที่จริงก็นึกถึงคุณนะ เซบาสเตียนน่ะ"

"ทำไม?"

"เพราะคุณหล่อมั้ง" แดนขำกลบเกลื่อน "ที่จริงแค่นึกถึงพวกเรา"

"ไม่คิดว่าคุณจะพูดออกมาง่ายขนาดนี้นะ" เอกตกใจนิดหน่อย แดนไม่น่าพูดมาตรงๆขนาดนั้น

"อื่ม ก็คิดว่าไม่มีอะไรจะต้องให้ปิดบัง"

แดนมองมาที่ผมตรงๆ หลังจากบอกแบบนั้น กลับเป็นผมเองที่กลับไม่กล้ามองสายตาของแดน ผมคงจะกลัวตัวเอง กลัวสายตาจริงจังนั่นของแดนด้วย

"แล้วคุณมีเรื่องอะไรจะคุยหรอ ตอนนี้อยู่แค่สองคนแล้ว"

ผมลังเลใจ ไม่รู้สิ การที่แดนบอกว่าเหลือกันอยู่แค่สองคนมัน... ผมก็พยายามคิดแต่ในแง่ดีแหละนะ

"คุณไม่กลัวผมรึไง อยู่ด้วยกันสองคน"

"นอนกอดกันก็แล้ว จะมีอะไรให้กลัวอีกล่ะ"

.
.
.

////////// tbc ////////////

ต่อในจอยโลดจ้า #stayองเนียล ตอน8

http://www.joylada.com/story/5a540ae376d5eb00014bd364

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม